Support
bs leather
081-9290964,089-8909564
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

หนังเทียมหรือหนังแท้ อ่านก่อนเลือกใช้

kanyaputr@yahoo.co.th | 04-03-2556 | เปิดดู 16237 | ความคิดเห็น 1

หนัง (Leather)

หนังแบ่งออกเป็น 2ประเภทใหญ่ๆ คือ

1. หนังแท้
2. หนังเทียมหรือหนังสังเคราะห์

1. หนังแท้ หมายถึง หนังที่ได้จากสัตว์ต่างๆ เช่น หนังวัว หนังจระเข้  หนังหมู หนังปลากระเบน หรือจากสัตว์ป่าอื่นๆอีกมากมาย การนำหนังมาใช้ประโยชน์ แบ่งออกเป็น 2พวก ได้แก่
 
1.1 หนังดิบ ได้จากหนังสัตว์ที่ตายแล้ว นำมาใช้ประโยชน์โดยตรง เช่น ทำหนังกลอง หนังตะลุง เป็นต้น
 
1.2 หนังฟอก เป็นหนังดิบที่ผ่านการฟอกแบบต่างๆ เพื่อไม่ให้หนังเน่าเปื่อย อ่อนนุ่ม เรียบ สม่ำเสมอ สีสันสวยงาม มีความหนาตามต้องการ กรรมวิธีการฟอกจะแตกต่างกันตามชนิดของสัตว์แต่ละชนิด
      
1.2.1 หนังสัตว์ที่มีลวดลายสวยงาม เช่น หนังจระเข้  งู เสือ ม้าลาย
      
1.2.2 หนังสัตว์ที่มีขนสวยงาม หมี สุนัขจิ้งจอก
      
1.2.3 หนังสัตว์ทั่วๆไป เช่น หนังวัว สีผิวไม่สวยงาม ต้องนำมาตกแต่งและย้อมสี

           หนังแท้มีลักษณะพื้นฐานที่สังเกตได้ง่าย เช่น มีกลิ่นหนัง ผิวมีรูขน ด้านหลังเป็นขนสักหลาด ซึมซับน้ำ หากอากาศเย็นเมื่อสัมผัสจะรู้สึกอุ่น ขณะที่อากาศร้อนเมื่อสัมผัสจะรู้สึกเย็น ดูแลทำความสะอาดยาก  ลายบนผิวเป็นธรรมชาติ ไม่มีรอยต่อลาย (Emboss repeat)การพัฒนาด้านต่างๆในอุตสาหกรรมการฟอกหนังและการตกแต่ง (Finishing) เป็นปัจจัยที่ทำให้ลักษณะพื้นฐานเปลี่ยนไปจนไม่อาจจะใช้เป็นตัวพิจารณา บ่งบอกความเป็นหนังแท้ได้อีกต่อไป ซึ่งการฟอกย้อมในปัจจุบันมีความพยายามที่จะลดกลิ่นหรือให้เจือจางที่สุด ดังนั้น หนังแท้ที่ดีจึงมักไม่มีกลิ่น มีการใช้ Water Repel lance เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเกาะ หนังที่มีฉนวนและถ่ายเทอากาศได้นั้นเป็นเฉพาะหนังประเภท Full grain หรือ Corrected grain ที่ผ่านการ Top coating หรือ Finishing บางๆเท่านั้น หนังแท้ส่วนใหญ่ผิวลาย หรือ รอยย่นของผิว (Grain Break) โดยปกติจะมีลักษณะเป็นธรรมชาติเหมือนผิวหนังของคน แต่หนังแท้บางชนิดที่เนื้อแน่นหรือแข็งที่เป็นหนังคุณภาพดีก็ไม่มีรอยย่นของ ผิว หนังแท้จะมีขนาด(Shape/Size) แต่ละชิ้นไม่แน่นอนเพราะเป็นของธรรมชาติ และหนังแท้จะไม่ติดไฟหรือถ้าติดก็จะดับได้เอง เราสามารถแบ่งประเภทของหนังแท้ออกเป็น  4 ประเภท ได้ดังนี้
1.1 Full grain
เป็นหนังชั้นแรกที่มีลวดลายของหนังสัตว์ธรรมชาติอยู่ หลังจากผ่านกระบวนการฟอกหนังแล้ว จะมาทำการแต่งโดยการพ่นเงาเน้นลวดลายของตัวหนังเองขึ้นมา หนังประเภทนี้เหมาะสำหรับนำไปผลิตเป็นหนังหน้าของผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง
1.2 Split
เป็นหนังที่อยู่ชั้นกลางซึ่งโครงสร้างของเนื้อหนังยังคงมีโครงสร้างที่ดี จึงนำไปผลิตเป็นหนัง Nubuk หรือ Suede และยังสามารถนำไปโค๊ตพียูเพื่อสร้างลวดลายเทียมขึ้นได้ หนังประเภทนี้เหมาะสำหรับนำไปใช้เป็นหนังหน้าในการผลิตเครื่องหนัง
1.3 lining
เป็นหนังชั้นสุดท้าย ซึ่งมีโครงสร้างไม่เหมาะสำหรับนำไปทำหนังหน้า ส่วนใหญ่จะถูกนำไปทำซับในในผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง
1.4 bonded leather
เป็นเศษหนังที่ถูกกักไว้ในขั้นตอนการตัดหนัง Full grain, Split และ Lining นำไปผสมกับกาวและนำมาทำเป็นม้วนหรือแผ่น หลังจากนั้นก็ผ่านการโค๊ตด้วยพียู หนังประเภทนี้สามารถนำไปใช้ในทุกส่วนของผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง

2. หนังเทียม สารสังเคราะห์ที่ถูกนำมาทำให้มีลักษณะคล้ายหนังแท้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ
  
2.1 หนังเทียมประเภทเลียนแบบหนังแท้  หมายถึงหนังเทียม ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในลักษณะงานเช่นเดียวกันกับหนังแท้ ซึ่งส่วนมากจะพบในผลิตภัณฑ์ต่างๆ  เช่น กระเป๋า เข็มขัด ฯลฯ ถ้าเป็นหนังแท้จะมีราคาแพงมาก จึงจำเป็นต้องทำด้วยหนังเทียมเพื่อให้มีราคาถูกกว่า
 
2.2 หนังเทียมประเภททดแทนหนังแท้  หมายถึงหนังเทียม ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้กับงานซึ่งถ้าใช้หนังแท้จะต้องสิ้นเปลืองมาก หรือปริมาณของหนังแท้ไม่เพียงพอกับความต้องการของท้องตลาด

ข้อดีของหนังเทียม
1. มีราคาถูกกว่าหนังแท้
2. ทนแดด และความชื้นมากกว่าหนังแท้
3. มีพื้นผิวสม่ำเสมอ ไม่เสียเศษ ไม่ต้องเลือกตำแหน่งที่จะตัดใช้งาน
4. ดูแลรักษาง่าย
ข้อเสียของหนังเทียม
1. รับน้ำหนักได้ไม่เท่าหนังแท้
2. ฉีกขาดง่ายกว่าหนังแท้
3. มีความยืดหยุ่นน้อยกว่าหนังแท้

 

ความคิดเห็น

วันที่: Sat Apr 27 01:46:12 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 1 Pages: 1/1
guest
นายปรีชา แซ่อึ้ง
- Guest -

2013-05-31 08:08:11.0 Post : 2013-05-31 08:08:11.0

ขอราคาแต่ละ แบบ ครับ ราคาต่อหลา และราคาต่อเมตร  นำไปใช้ในงานเครื่องเสียงเป็นร้านติดตั้งเครื่องเสียงครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

Quote

1